วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ที่มาของเพลง ดอกประดู่

เพลง ดอกประดู่ หรือที่นิยมเรียกกันอีกอย่างว่าเพลง "หะเบสสมอพลัน" เป็นบทเพลงพระนิพนธ์ใน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เดิมเรียกชื่อว่า "Coming Thro' the Rye" ตามชื่อทำนองเพลงเดิมในภาษาอังกฤษ (เพลงนี้เป็นเพลงสก็อต เข้าใจกันว่าดัดแปลงทำนองมาจากเพลง Auld Lang Syne อีกทีหนึ่ง)แรงบันดาลใจสำคัญในการทรงนิพนธ์เพลงนี้คือเหตุการณ์วิกฤตการณ์ปากน้ำ ร.ศ.112 (พ.ศ. 2436) ซึ่งเป็นที่จดจำกันได้ดีทุกคนสำหรับคนไทยในยุคนั้น สันนิษฐานว่าทรงนิพนธ์เพลงดอกประดู่เมื่อ พ.ศ. 2448

เพลงนี้เป็นที่มาของการเปรียบเทียบตนเองของเหล่าทหารเรือว่า "เป็นลูกประดู่" มาจนถึงทุกวันนี้


เนื้อร้อง
หะเบสสมอ[1]พลัน ออกสันดอนไป
ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ
เที่ยวหาข้าศึก มิได้นึกจะกลับมาใน
ถึงตายตายไป ตายให้แก่ชาติเรา

พวกเราจงดู รู้เจ็บแล้วต้องจำ
ลับดาบไว้พลาง ช้างบนยอดกาฟฟ์[2]จะนำ
สยามเป็นชาติของเรา ธงยอดเสาชักขึ้นทุกลำ
ถึงเรือจะจมในน้ำ ธงไม่ต่ำลงมา

เกิดมาเป็นไทย ใจร่วมกันแหละดี
รักเหมือนพี่เหมือนน้อง ช่วยกันป้องปฐพี
สยามเป็นชาติของเรา อย่าให้เขามาย่ำมายี
ถึงตายตายดี ตายในหน้าที่ของเรา

พวกเราทุกลำ จำเช่นดอกประดู่
วันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่
วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู
ทหารเรือ เราจงดู ตายเป็นหมู่เพื่อชาติไทย

อธิบายศัพท์ในเพลง
1. หะเบสสมอ เป็นคำภาษาจาม แปลว่า ถอนสมอเรือ ในศัพท์ทหารเรือไทยนั้นมีคำในภาษาจามและและมลายูปนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง เนื่องจากสมัยโบราณนั้นทหารเรือมักจะเป็นชาวจามในสังกัดกรมอาสาจาม เพราะชาวจามมีความเชี่ยวชาญในการเดินเรือทะเลมาก
2. กาฟฟ์ (Gaff) คือ เสาเชิญธงชาติสำหรับกองทัพเรือ (ธงราชนาวี) ซึ่งอยู่ที่ท้ายเรือ ช้างบนยอดกาฟฟ์หมายถึง รูปช้างเผือกในธงราชนาวีไทย ซึ่งไม่ว่าจะมีวิวัฒนาการอย่างไรก็ตามก็จะมีรูปดังกล่าวอยู่ด้วยเสมอ





About North Pole



ขั้วโลกเหนือคืออะไร คำถามนี้ยังคงเป็นที่น่าฉงนแก่บรรดานักผจญภัยจากทั่วทุกมุมโลก แม้ว่าจะมีคนมากมายไปเล่นสกี ที่นั้นแต่ก็ยัง ไม่มีใครเป็นคนแรกที่พิชิตสถานที่แห่งนี้ได้สำเร็จสักคน ซึ่งในจุดนี้จึงถือว่าเป็นเวทมนต์อย่างหนึ่งที่หลาย ๆ คนไม่อาจต้านทานได้ และไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มนต์นี้เองจะทำให้มีนักสำรวจรุ่นแรก ๆ ผลิตวารสารขึ้นมากมาย โดยเฉพาะนักสำรวจที่พยายามผจญภัยกับความลำบากของทิศตะวันตกเฉียงเหนือและค้นหาทางเดินของทิศตะวันออกเฉียงเหนือ


แม้ว่าจะมีสิ่งท้าทายมากมายที่ทำให้บางครั้งเหมือนจะเป็นความบ้าบิ่นมากกว่าความกล้าหาญแต่นับจากวันที่ 6 เมษายน 1909 คณะเดินทางกลุ่มแรกได้ค้นพบจุดที่สูงที่สุดในโลกนำโดย โรเบิรต์ อี เพิรล์ลี่ ซึ่งประมาณ 7 ปีก่อนเป็นผู้หาจุดที่ใกล้ที่สุดของขั้วโลกในขั้วโลกเหนืออเมริกา ในตอนนั้นเขาไปถึง 84องศา 17ลิปดา เหนือและการเดินทางในครั้งนั้นก็ทำให้เขาสูญเสียนิ้วเท้าไป 8 นิ้วจากความเย็นจัด (Frostbite)


ในขณะที่นักสกีจำนวนหนึ่งและสุนัขลากรถเลื่อนหิมะกำลังเผชิญกับสภาพ แวดล้อมที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางมาเยือนขั้วโลกเหนือด้วยเรือเดินสมุทรของทหารในช่วงสงครามเย็นก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งหนึ่งในบรรดาเรือลำแรกๆ คือ USS Skate ที่มาถึงเมื่อ 17 มีนาคม 1959 ในความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาชาร์ล คาร์ลเวิร์ท การมาเยือนขั้วโลกเหนือยังคงเป็นโอกาสพิเศษมากสำหรับลูกเรือ ดังนั้นการจัดงานพิเศษจึงถูกจัดขึ้นอยู่เสมอๆ


ด้วยความเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของนักผจญภัย จึงดูเหมือนว่าสถานที่ที่มีอิทธิพลต่อโลกเรานี้ได้รวมถึงขั้วโลกเหนือนี้ด้วย ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรด้วย ดังนั้นแม้ว่าครั้งหนึ่งที่นี่จะเคยเป็นดินแดนเฉพาะคณะเดินทางของรัฐบาล แต่ในปัจจุบันกลับมีผู้เข้ามามากมายแตกต่างกันไปและในตอนนี้ก็ถึงคราวของประเทศไทยแล้ว เพราะในเดือนเมษายน 2006 เราจะได้เห็นคนไทยไปเยือนยังจุดสูงสุดของโลก ซึ่งมีเพียง Singha Light เท่านั้นที่จะให้โอกาสนี้แก่พี่น้องชาวไทย

ประเทศนอร์เวย์

ภูมิประเทศ- ประเทศนอร์เวย์มีลักษณะรูปร่างคล้ายกระบวยตักน้ำ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย การโทรคมนาคมในนอร์เวย์ส่วนมากเป็นการเดินทางเรือ


ภูมิอากาศ- ประเทศนอร์เวย์มีลักษณะภูมิอากาศที่แตกต่างกันมาก เช่น ฤดูหนาวจะมืดเกือบตลอดทั้งวัน แต่เมื่อถึงฤดูร้อนก็สว่างทั้งวัน สำหรับตอนเหนือของประเทศนั้นสว่างตลอดทั้งคืน จึงเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ในฤดูนี้


ประชากร- ประเทศนอร์เวย์มีประชากรน้อยมาก เพียง 4 ล้าน 6 แสนกว่าคนเท่านั้น


ภาษา- ชาวนอร์เวย์ใช้บภาษาบุคโมล์ ( Bokmal ) และภาษานีย์นอร์สค์ ( Norsk ) ดังนั้นป้ายตามถนนหนทางจึงมีทั้งสองภาษา


สินค้าส่งออก- ประเทศนอร์เวย์ส่งปลาเป็นสินค้าออกมานานหลายร้อยปีเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าผลิตภัณฑ์ปลาจากนอร์เวย์ มีคุณภาพสูงทั้ง ปลาแซลมอน และ ปลาเทร้าต์


แซมมี่


ธรรมเนียม การตั้งรกราก และวัฒนธรรม ชาวแซมี่ไม่เคยอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีชาวแซมมี่อยู่ประมาน 6-8หมื่นคน อาศัยอยู่ใน นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย ลักษณะเด่นบางอย่าง ที่สามารถบ่งบอกถึงชาวแซมมี่ได้คือ ภาษา (ชาวแซมมี่จะพูดกันเอง หรือ พบในรุ่นปู่ย่าขึ้นไป) จริยธรรมและ วัฒนธรรม. อย่างไรก็ตาม ครึ่งหนึ่งของแซมมี่ทั้งหมดอาศัยอยู่ใน นอร์เวย์


ในทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของซามิ เป็นส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมฝั่งอาร์คติก ระบบนิเวศแสดงถึงการล่าสัตว์และการทำกับดัก,การสร้างที่อยู่อาศัย, การลำเลียงขนส่ง, ภาษาและศาสนาก่อนยุคคริสตจักร เราสามารถพบความคล้ายคึลงกันระหว่าง วัฒนธรรมของชาวแซมมี่กับผู้คนที่อาศัยอยู่ทางเหนือของอาร์คติก ในขณะเดียวกันมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ของชาวพื้นเมืองแซมมี่ในกรีนแลนด์,ไซบีเรียและในอเมริกาเหนือ


ประเพณีการดำรงชีวิตของชาวแซมมี่ประกอบด้วย การเพาะปลูก, การล่าสัตว์ ตกปลา, การเลี้ยงสัตว์,หรือ งานหัตถกรรมของ แซมมี่


โยอิค – ลักษณะเพลงของชาวแซมมี่โยอิค,เพลงสวดของชาวแซมมี่ เป็นองค์ประกอบคู่กัน ในทางหนึ่งเป็นการแสดงออกทางดนตรีที่สำคัญของชาวแซมมี่ โยอิคใช้สำหรับบรรยายลักษณะของบุคคล สัตว์หรือธรรมชาติ สามารถอธิบายได้เหมือนการจดบันทึกที่มีจังหวะและท่วงทำนอง ซึ่งให้ความสำคัญกับจังหวะจะโคนมากกว่าการบรรยายในเนื้อเพลง


จุดมุ่งหมายสำคัญของ โยอิค คือการใช้ดนตรีและจินตภาพเพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศ ในยุคก่อนคริสตกาล โยอิคเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมทางศาสนา ในบางพิธีนักบวช เน้นจังหวะเพิ่มในโยอิคโดยการเน้นจังหวะกลอง ด้วย2ปัจจัยนี้คือเหตุผลที่บางคนในปัจจุบันเห็นโยอิคเป็นสิ่งชั่วร้าย และไม่เข้ากับวิถีชีวิตคริสเตียน


แสงทางเหนือ (อโรร่า) ในประเพณีแซมมี่ตามประเพณี แสงทางเหนือเป็นกระบวนการเหนือธรรมชาติที่จาถูกใช้เมื่อมีการโต้แย้งกัน แนวคิดนี้พบเห้นได้ทั่วไปในผู้คนที่อาศัยในแถบนี้ที่ๆแสงจากทางเหนือสามารถพบเห็นได้บ่อยสุด สัญลักษณ์ ของแสงทางเหนือ พบได้ที่กลองของนักบวชซามิ ปรากฏการทางธรรมชาตินี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันในซามิ เช่น กูโวซาฮาส ซึ่งแปลว่า “แสงที่สามารถได้ยิน” ชาวซามิมักเกี่ยวข้องกับอโรร่า ด้วยเสียง


เทศกาลอีสเตอร์เทศกาลอีสเตอร์ใน คาราสจอค และ คูโตเคโนเป็นงานประจำปีเป็นเวลานาน อีสเตอเป็นช่วงเวลาหนึ่งของปีที่ชาวแซมมี่จากพื้นที่ต่างๆของ แซปมิ (บริเวณที่ชาวซามิตั้งถิ่นฐาน) มารวมตัวกันในเมืองคาราสจอค และ คูโตเคโน พวกเขาฉลองกันในช่วงปลายฤดูหนาว, วันหยุดเทศกาลทางศาสนา, และเป็นเทศกาลแต่งงานด้วย อีสเตอยังเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองทางศาสนาและยังเป้นงานสำคัญทางวัฒนธรรมด้วย ซามิกรังปรีซ์ (งานประกวดดนตรี) ซึ่งจัดขึ้นใน คูโตเคโน่ ในวันศุกร์ช่วงอีสเตอร์ ซึ่งเป็นหนึงในจุดเด่น อีกอย่างที่น่าดึงดูดคือการแข่งเรนเดียร์ประจำปี นักท่องเที่ยวจะถูกผลักดันให้อยุ่ใน “ชั้นนักท่องเที่ยว” เป็นอีก1กิจกรรมที่สร้างรอยยิ้มและต้องอย่าลืมที่จะนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

คู่มือการใช้ชีวิตในหอพัก ฉบับความ (โคตร) จริง 22 ประการ

1.ถ้าหากคุณมีเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยประถม มัธยม คุณจะมารู้สันดานที่แท้จริง ก็ตอนที่มันมาอยู่กับคุณนี่แหละ

2.หากคุณลืมรหัสบัตรเอทีเอ็ม เลขที่บัญชี ลองถามเพื่อนคุณดูซิ เค้าอาจบอกคุณได้แม้กระทั่งจำนวนเงินที่เหลือในบัญชีของคุณ

3.ที่บ้านยังไม่ส่ง หนูต้องเอาเงินไปลงทะเบียน สองคำนี้ท่องไว้ให้มั่น เพราะมันเป็นวลีอมตะ ที่เอามาใช้ได้ทุกๆต้นเดือน (แต่ไม่ควรใช้ฟุ่มเฟือย และอย่าโกหกว่าพ่อตาย)

4. ถ้าคุณจะไปเช่าหอพักหน้าราม นอกจากคุณจะได้ใช้เป็นที่พักแล้ว มันยังเป็นแหล่งตักศิลา ป.ป. ลบ 5 อีกด้วย (มีเรียนทุกคืนวันเสาร์ ส่วนอังคาร พุธ หลักสูตรต่อเนื่อง)

5.ไม้กวาด คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ (ยืมข้างห้อง) เพราะห้องคุณจะสะอาดเพียงสองครั้งเท่านั้น ตอนที่พาแฟนใหม่มาเที่ยวห้อง กับตอนที่คนที่บ้านคุณ ขึ้นมาเยี่ยม

6. และแปลกตรงที่สร้อยคอและแหวนทองที่หายไป จะกลับมาหาคุณตอนนี้นี่แหละ และมันจะอยู่กับคุณ จนกว่าคนที่บ้านจะกลับ

7. เวลาในห้องของคุณ จะตรงกับเวลามาตรฐานสากลโลก เพราะตอนที่คุณตื่นนอน มันจะตรงกับเช้าตรู่ในประเทศอังกฤษพอดี

8.ไม่ต้องแปลกใจหากคุณอยู่หอพักได้เดือนนึง แล้วคุณจะสนิทกับแม่ค้าขายส้มตำมากกว่า ยาม

9.รู้ไว้ใช่ว่า จำนวนแปรงสีฟันในห้องน้ำ มันบอกได้ว่าเคยมีคนมาค้างที่ห้องคุณมากน้อยเท่าใด แต่อย่าลืมว่า ต้องเอา 2 ลบออกเสมอ เพราะจะมีคนนึงเอาแปรงมาจากที่บ้าน และอีกคนนึงก็มั่วนิ่มใช้แปรงของคุณ 10.อย่าดีใจหากห้องที่อยู่ติดกัน จะแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเสมือนหนึ่งคุณเป็นญาติ ตอนที่คุณกำลังปีนระเบียงด้านหลังห้องเค้ามายังห้องคุณ เพราะทำกุญแจหาย เพราะเค้ายังไม่อยากย้ายออกก่อนกำหนด และได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเท่านั้นเอง (ยิ่งสูง ยิ่งหนาว)

11.หากคุณอยู่ชั้นสองขึ้นไป รถที่จอดด้านล่างที่คุณเคยเห็นว่ามันธรรมดา คุณจะเห็นว่ามันมีค่า มีราคา ก็ตอนที่ทำอะไรหล่นใส่มันนั่นแหละ

12 เลื่อนหลัก หลักลอย คอยงาน ทรมาณ อนาถจิต คืออาการ 5อย่างที่หาดูได้ตามหอพัก ในตอนเย็นก่อนอาทิตย์ลับฟ้าหรือช่วงพลบค่ำ หลังระเบียงห้องพัก ที่มีนักศึกษาชายปีสุดท้าย และบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ อาศัยอยู่

13.คุณควรจะหาเพื่อนที่เป็นคนใต้ไว้สักคน เพราะคุณสามารถชวนเค้ากินเหล้าได้ทุกเวลา และยังช่วยให้คุณซื้อยีนส์ลีวาย501ของแท้ได้ถูกกว่าปกติ

14.หากในเช้าวันหยุดวันหนึ่ง คุณเข้าไปหาแฟนของคุณที่กำลังนอนหลับอยู่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป คุณเจอเท้าลึกลับโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม เชื่อเหอะไม่ใช่น้องสาวหรือพี่ชาย ที่เค้าอ้างแน่นอน

15.คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเทปและซีดีของ จินตหรา พูนลาภ เบิร์ดธงไชย clash ซิลลี่ฟูล และLinkin park เพราะข้างห้องเปิดกรอกหูให้คุณฟังทุกวันอยู่แล้ว

16.คุณควรรู้ว่าในวันหนึ่ง มีอาหารให้คุณกินเพียงสองมื้อเท่านั้น คือบ่ายกับค่ำ ส่วนหลังจากนั้น จะหนักไปทางของน้ำๆ (จะผสมโซดา โค้ก ก็ว่ากันไป )

17.หากคุณและเพื่อนมีรสนิยมที่แตกต่างกันสุดขั้วและคิดว่าคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป เพราะอีกไม่นาน สบู่ ยาสีฟัน คุณก็มาใช้ยี่ห้อเดียวกัน หลอดเดียวกันนั่นแหละ (ไม่เว้นแม้แต่หมอน กับผ้าเช็ดตัว)

18. ผีที่เค้าล่ำลือกันในหอพัก.........ก็ระวังให้ดี - ผีบิลค่าโทรศัพท์ จัดอยู่ในพวกเดียวกับผีน้ำ ผีไฟ ถ้าคุณเจออย่าหนี เอาคาถาที่ให้ไว้ในข้อ3 มาสู้ ส่วนผีโทรศัพท์ ใช้โทรภายใน..มันกลัว - ผีตู้เย็น ใส่อะไรหายหมด แก้ไขโดยการจัดโซนนิ่ง (ชั้นนั้นของเมิง ชั้นนี้ของกรู) - ผีสบู่ ผียาสีฟัน ผีแชมพู ผีจำพวกนี้จัดอยู่ไฟลั่มเดียวกับปลิง มอด มันจะใช้ของใช้ส่วนตัวของเรา เพื่อกำจัดกลิ่นอันเน่าเหม็นและสาปสางของมัน (อย่าคิดจะเอาไปซ่อน เพราะมันมีเรดาห์) - ผีแม่กุญแจ (Big mother key) มันจะมาตอนที่คุณกลับบ้านต่างจังหวัดหลายวัน ถ้าเจอมันคุณจะนึกออกทันที ว่าไม่ได้จ่ายค่าห้องมาหลายงวดแล้ว ทางแก้ ใช้ของฝากเข้าล่อ หรือยอมให้หักเงินประกัน -ผีขยะ มันสามารถย้ายสสารจากหน้าห้องของมัน มายังหน้าห้องคุณโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที และคุณก็มองไม่เห็น จับมันไม่ได้ (ถ้าเกิดจับได้มันจะอ้างลม) - ผีตัวสุดท้าย ผีเคียวโกะฟูกาดะ ผีทาเคชิ เมื่อหลายปีก่อน มีเกือบทุกหอพัก ไม่เว้นแม้แต่ร้านเสริมสวยใต้อพาทเม้นท์ หลายคนต้องสะดุ้งโหยงยามปิดไฟเหมือนมีใครจ้องมองดูอยู่ แต่โชคดีที่บางห้องได้ส่งมันไปผุดไปเกิดบ้างแล้ว ตอนนี้มี ผีบริทนี่ย์ ผีทักกี๊ ผีเบ็คแฮม ผีลินกิ้นพาร์ค ผีฮอบบิท ผีF4 ยังคงตามหลอกหลอนให้เห็นอยู่บ้างประปราย ทางแก้ ท่องคาถานี้ไว้ ฝาผนังเป็นรอย ค่าปรับจุดละ 20 20 20

19. อบายมุขคุณอาจต้องเรียนรู้ไว้บ้าง แม้คุณจะเคยป็นเด็กดีได้ชักธงชาติหน้าเสาธงตอนชั้นประถม เคยเป็นประธานชมรมต่อต้านการพนันทุกชนิด ทิ้งอดีตไปซ่ะ เพราะอีแก่กินน้ำ ป๊อกเด้ง ดรั่มมี่ คือทางเดียวที่จะต่อลมหายใจในกระเป๋าของคุณได้อีกเฮือก ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่ลงท้ายด้วยคม

20.อย่าตกใจหากคุณเป็นผู้โชดดีได้รับโชคทองจากซองมาม่า เพราะคุณยังจะโชคดีอย่างนี้ ต่อไปอีกเรื่อยๆ คราวก่อนคุณส่งไปแค่ซองที่กินวันละมื้อ เดือนเดียวเท่านั้น (30ซอง) แต่ตอนนี้วันเดียว คุณกับเพื่อนกินกันแทบทุกมื้อ เดือนนึงคิดดูจะได้เท่าไหร่ แล้วโชคทองจะหนีคุณไปไหน คราวนี้แก๊งค์สามช่าจะมาแจกทอง จนคุณเอียนไปเลย

21.อย่าได้ฆ่ามดและแมลงสาบ เพราะคิดว่ามันจะหมดไป ก็เพราะห้องข้างๆคุณ ยังคงเลี้ยงมันไว้ดูเล่น ที่คุณเห็น มันก็แค่อยากมาเยี่ยม

22.ในวันสุดท้ายของการอยู่หอ ขอแนะนำ - ให้ขน หมอน ผ้าปูที่นอนลงมาก่อน เพราะคงไม่มีใครคิดขโมยของเน่าๆ แน่นอน - ถ้าคุณต้องแบ่งของใช้กับเพื่อน เอากระติกน้ำร้อนไว้ก่อน เพราะมันใช้ได้อีกหลายงาน - อย่าลืมทวงเงินค่าประกันห้องคืนด้วย แม้มันจะได้ช้ากว่าตอนคุณเรียกพ่อบ้านมาเปลี่ยนก็อกน้ำ กับซ่อมลิฟท์ - คุณจะได้เห็นพี่ยาม ยิ้มเป็นครั้งแรก ตอนที่รู้ว่าคุณย้ายออกไป - คุณยังแอบเห็นน้ำตา ของเจ๊ร้านของชำที่ไม่อยากให้คุณจากไป เพราะยอดจำหน่าย มาม่าน้ำแข็ง เหล้าโซดา ลดลง (และเค้ายังรอคุณกลับมา) - และสุดท้าย อย่าลืมส่งที่อยู่ใหม่ไปให้แก็งค์ 3 ช่าด้วย.

ติดกิจกรรม จนรีไทร์ ชีวิตจริงในรั้วมหา "ลัย



"ผมคิดว่าตัวเองเรียนเก่ง เอ็นทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง อย่างธรรมศาสตร์ คงเรียนเล่นๆ สนุกๆ เหมือตอนเรียนอยู่มัธยมก็ได้ เดี๋ยวก็สอบผ่าน อีกอย่างความรู้สึกตอนที่เอ็นทรานซ์ติดแล้วมันเหมือนได้ปลดปล่อย พอมาเจอกิจกรรมสนุกในมหาวิทยาลัย รับน้องใหม่ กีฬาคณะ ค่ายอาสาพัฒนา และอีกหลายกิจกรรมทำให้ผมรู้สึกสนุกจนไม่อยากเรียน สุดท้ายก็เรียนไม่จบถูกรีไทร์" คำบอกเล่าของ "นิ่ม" หนุ่มวัยเบญจเพสที่หลงใหลกับการใช้ชีวิตสนุกทำกิจกรรม จนอนาคตเกือบจะดับวูบ
ณ วันนี้ อนาคตของนิ่มกลับมาสดใสอีกครั้งกับชีวิตของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงแม้ต้องเสียเวลาไปเกือบ 5 ปี กับการเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องมานั่งเรียนกับรุ่นน้อง แต่นิ่มก็รู้สึกดีที่กลับตัวกลับใจได้ และพร้อมย้อนรอยประสบการณ์ชีวิตที่อยู่ในวังวนของการติดกิจกรรม ผ่านวงเสวนา "เยาวชนกับวังวนในหลุมดำ" (Youth Addict) ที่จัดโดยโครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเป็นแง่คิดและอุทาหรณ์ให้กับน้องๆ เฟรชชี่ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่รั้วมหาวิทยาลัย
นิ่มย้อนรอยชีวิตการทำกิจกรรมว่า เอ็นทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ.2544 ความรู้สึกที่เอ็นทรานซ์ติดคิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยคงเหมือนกับตอนเรียนมัธยมฯ และส่วนตัวก็เป็นคนชอบทำกิจกรรมด้วย จึงเริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่กิจกรรมรับน้อง ร้องเพลงเชียร์ของคณะจะเข้าร่วมทุกครั้งไม่เคยขาด เสร็จจากรับน้องก็เข้าร่วมแข่งกีฬาของคณะ ต้องซ้อมกีฬาทุกวัน ตื่นเช้าตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ซ้อมเสร็จตอนแปดโมงเช้า ก็นอนพักผ่อนตื่นอีกครั้งก็ตอนบ่ายสามโมง เสร็จจากแข่งกีฬาก็ไปทำกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาต่อ เข้าเรียนนับครั้งได้ จำหน้าอาจารย์ที่สอนแต่ละวิชาไม่ได้สักคนและไม่ตามเล็คเชอร์จากเพื่อนๆ ด้วย
"ที่ชอบทำกิจกรรมมากนั้น เพราะเข้าใจว่าทำกิจกรรมแล้วจะทำให้มีชื่อเสียง มีคนรู้จักมากขึ้น รู้สึกภูมิใจเวลาคนเข้ามาทักทาย และเข้าใจว่าคงไม่กระทบต่อเรื่องการเรียน เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นคนเรียนเก่ง จึงคิดว่าน่าจะเอาตัวรอดเรื่องเรียนได้ แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เพราะช่วงใกล้สอบก็มาอ่านหนังสือก่อนสอบหนึ่งวัน ทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน เทอมแรกเกรดเฉลี่ยจึงออกมาที่ 1.3 ติด F เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนมา และถูกเตือนครั้งที่หนึ่ง (Warning) ในใบเกรด แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรเทอมหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ ยังทำกิจกรรมเหมือนเดิม เกรดก็ไม่ดีขึ้นใบเกรดจึงติด "โปร" (Propation) ครั้งที่ 1 จึงเริ่มคิดได้ ทำกิจกรรมให้น้อยลง พยายามลงวิชาเลือกเพื่อจะช่วยให้เกรดดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะวิชาเรียนก็ยากมากขึ้น พอขึ้นชั้นปีที่ 4 จึงติด "โปร" เป็นครั้งที่ 2 และถูกรีไทร์ในที่สุด" นิ่มบอกด้วยน้ำเสียงเศร้า
นิ่มบอกด้วยว่า พอรู้ว่าต้องถูกรีไทร์และอาจารย์เรียกผู้ปกครองมาพบ รู้สึกกลัวและเครียดมากๆ ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไร กลัวพ่อแม่เสียใจ เพราะพ่อแม่ก็แยกทางกัน แต่ได้หาทางออกเอาไว้แล้ว คือไปสมัครสอบคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคพิเศษได้แล้ว พอบอกความจริงกับพ่อแม่ ท่านกลับไม่ต่อว่าเลย บอกแต่ว่า ไม่เป็นไรตั้งใจเรียนใหม่แล้วกัน ได้ฟังแล้วจึงคิดว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต จึงตั้งเป้าและปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ ตั้งใจเรียนมากขึ้นและทำกิจกรรมน้อยลง จะคอยเตือนน้องๆในคณะที่ติดกิจกรรม ซึ่งจะสอนจากประสบการณ์ของตัวเอง ไม่อยากให้น้องๆ ต้องติดกิจกรรมจนเสียการเรียนเหมือนตัวเอง รวมทั้งจะเป็นติวเตอร์คอยช่วยติวให้กับน้องๆ ก่อนสอบทุกครั้ง จะใช้ความคาดหวังของน้องๆ มากดดันตัวเองให้ตั้งใจเรียนจบ เพื่อเอาใบปริญญาไปให้พ่อแม่ให้ได้
"อยากฝากถึงน้องที่กำลังเข้าสู่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ต้องรู้จักแยกแยะแบ่งเวลาเรียนกับกิจกรรมให้ดี เพราะการเรียนในมหาวิทยาลัยจะต่างกับสมัยมัธยมฯ อย่าคิดว่าอ่านหนังสือก่อนสอบเพียง 1-2 วัน แล้วจะสอบได้ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ อยากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจ และควรคบเพื่อนที่ตั้งใจเรียน ช่วยกันติวหนังสือ เวลามีปัญหาก็ปรึกษากับอาจารย์หรือพ่อแม่ ที่สำคัญต้องชนะใจตัวเองให้ได้ เพราะชนะใจตัวเองได้ก็จะชนะปัญหาทุกอย่างได้"
การทำกิจกรรมในระหว่างชีวิตวัยเรียน เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ ที่นอกเหนือจากในตำราเรียน แต่การทุ่มเทมากเกินไปอาจทำให้การทำกิจกรรมส่งผลลบต่อชีวิตของนักศึกษา
ข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน




มาดูภาพน่ารักๆ ของสาวๆ four-mod ใน new album

new album in Japan